อุบัติเหตุและสิ่งที่ไม่คาดคิด ไม่มีใครอยากจะให้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเจ็บป่วย สิ่งของสูญหาย ระหว่างการเดินทาง เครื่องบินยกเลิกการเดินทาง เป็นเรื่องที่นักท่องเที่ยวไม่อยากให้เกิด เพราะจะทำให้ช่วงเวลาของการพักผ่อนท่องเที่ยวต้องสั้นลง หรือขั้นเลวร้ายช่วงเวลาแห่งความสุขได้สิ้นสุดลงทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศ เนื่องจากการติดต่อประสานงานในเรื่องราวที่เกิดขึ้นอาจจะยุ่งยากและลำบากมากกว่าหากเกิดเหตุภายในประเทศ
ประกันการเดินทางท่องเที่ยว จึงนับว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่นักท่องเที่ยวควรมีไว้ติดตัว เพราะเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ การมีประกันการเดินจะช่วยผ่อนคลายปัญหาให้ลดลงได้ไม่มากก็น้อย และช่วยชดเชยความเสียหายให้กับเราได้ ทั้งความเสียหายทางร่างกายและทรัพย์สิน แต่การเลือกซื้อประกันการเดินทางอาจจะต้องศึกษาในรายละเอียด และเงื่อนไขการคุ้มครองให้ละเอียดรอบครอบ เพื่อลดปัญหาไม่สามารถเคลมประกันได้
มาทำความรู้จักประเภทประกันการเดินทาง ความคุ้มครองหลักที่ต้องมี วิธีเลือกตามปลายทางและกิจกรรม รวมถึงข้อที่ต้องเช็กก่อนซื้อ ก่อนออกเดินทางต่างประเทศ การมีประกันการเดินทางที่เหมาะสมขะช่วยลดความเสี่ยงทางการเงินและเพิ่มความอุ่นใจได้มากขึ้น
ประเภทหลักของประกันการเดินทาง
ประเภทที่พบบ่อย
- ประกันเที่ยวเดียว (Single-trip / One-trip) — คุ้มครองเฉพาะการเดินทางรอบเดียว เหมาะกับคนไปทริปยาวครั้งเดียวหรือทริปพิเศษ
- ประกันรายปี (Annual / Multi-trip) — จ่ายครั้งเดียวครอบคลุมหลายทริปภายในปี (มักจำกัดระยะเวลาต่อทริป เช่น 30–90 วัน). ถูกกว่าหากเดินทางหลายครั้ง/ปี
- ประกันนักเรียน/นักศึกษา (Student travel) — ออกแบบสำหรับผู้ไปเรียนต่างประเทศ ครอบคลุมระยะยาวและเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์เฉพาะกรณีศึกษา
- ประกันนักธุรกิจ / ประกันพนักงานบริษัท — มีเงื่อนไขสำหรับการเดินทางเพื่อธุรกิจ เช่น คุ้มครองสัมภาระและอุปกรณ์ทำงาน เพิ่มความคุ้มครองกรณียกเลิกประชุม ฯลฯ
- ประกันเฉพาะความเสี่ยง (add-ons / riders) — เช่น คุ้มครองกีฬาผจญภัย, คุ้มครองอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, หรือ ‘Cancel for Any Reason’ (CFAR) — ซื้อเพิ่มได้ตามต้องการ.
- หมายเหตุ: แต่ละบริษัทจะเรียกชื่อแผนและเงื่อนไขต่างกัน — เลือกประเภทให้ตรงกับรูปแบบการเดินทางของเรา.
ความคุ้มครองพื้นฐานที่ควรรู้ (สิ่งที่กรมธรรม์ควรมี)
หาจำนวนเงินคุ้มครอง (sum insured) และข้อยกเว้นให้ชัดก่อนตัดสินใจ:
- ค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉิน (Emergency medical / hospitalization) — หัวใจของประกันเดินทาง หากเกิดเจ็บป่วยหรือต้องนอนโรงพยาบาล ต่างประเทศค่ารักษาอาจแพงมาก
- การเคลื่อนย้าย/นำส่งกลับประเทศ (Medical evacuation & repatriation) — กรณีร้ายแรงต้องเคลื่อนย้ายหรือส่งศพกลับบ้าน ค่าใช้จ่ายสูงมาก ถ้าไม่มีจะเป็นภาระหนัก
- ยกเลิก/ชดเชยการเดินทาง (Trip cancellation / interruption) — คืนค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้คืนกรณียกเลิกก่อนเดินทางหรือขาดทริปกลางคัน ตามเงื่อนไขกรมธรรม์
- กระเป๋า/สัมภาระหายหรือเสียหาย (Baggage loss/delay) — ค่าชดเชยสัมภาระที่สูญหายหรือชดเชยเมื่อกระเป๋าล่าช้า
- ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก (Personal liability) — คุ้มครองหากเราเป็นฝ่ายผิดและต้องชดใช้ความเสียหายแก่ผู้อื่น
- ความคุ้มครองเฉพาะกิจ (เช่น กีฬาเอ็กซ์ตรีม) — ต้องซื้อเพิ่มถ้าไปทำกิจกรรมเสี่ยง เช่น ปีนเขา ไต่หน้าผา ดำน้ำลึก ฯลฯ
ปัจจัยที่ควรพิจารณาก่อนซื้อประกันการเดินทาง
- ปลายทางและกฎหมาย/วีซ่า — ประเทศปลายทางบังคับอะไรไหม (เช่น การขอวีซ่าเชงเก้นต้องมีประกันที่มีความคุ้มครองการรักษาพยาบาลและ repatriation ขั้นต่ำ €30,000 และต้องครอบคลุมทั้งพื้นที่ Schengen ตลอดระยะเวลาพำนัก)
- ระยะเวลาและความถี่การเดินทาง — ไปครั้งเดียวหรือหลายครั้ง/ปี — ถ้าบ่อยอาจคุ้มกับแผนรายปี
- วงเงินคุ้มครอง — ตรวจดูวงเงินค่ารักษา/evacuation ให้เพียงพอต่อประเทศที่มีค่ารักษาสูง (เช่น สหรัฐฯ ยุโรป)
- กิจกรรมที่ทำ — หากมีแผนทำกิจกรรมเสี่ยง ต้องซื้อความคุ้มครองเสริม (sports rider)
- ข้อยกเว้นและโรคประจำตัว (pre-existing conditions) — ถ้ามีโรคประจำตัวต้องแจ้งและตรวจสอบว่ายังได้รับความคุ้มครองหรือไม่/มีเงื่อนไขอย่างไร
- ค่า Excess / Deductible — จำนวนที่ต้องออกเองเมื่อเคลม (สูงหรือต่ำ = ค่าเบี้ยถูก/แพงต่างกัน)
- เวลาซื้อกรมธรรม์ — ควรซื้อทันทีหลังจองทริป ถ้ามีความคุ้มครองยกเลิกจะครอบคลุมเหตุที่เกิดก่อนวันเดินทาง (บางกรณีเงื่อนไขกำหนด)
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24/7 — สำคัญมาก ต้องมีเบอร์ติดต่อฉุกเฉินภาษาอังกฤษ/ภาษาที่คุณสื่อสารได้ และบริการช่วยจัดการรักษา/ส่งตัว
- กระบวนการเคลม และเอกสารที่ต้องเก็บ — ใบเสร็จทางการแพทย์ ใบรายงานเหตุการณ์ ใบรับของจากสายการบิน ฯลฯ — เก็บให้ครบเพื่อออกสินไหมได้เร็ว
ประกันการเดินทางจำเป็นต้องซื้อหรือไม่
ประกันการท่องเที่ยวจำเป็นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่เป็นสิ่งที่ควรมีไว้ดีกว่าไม่มี โดยเฉพาะเมื่อต้องการความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลต่างประเทศ/การนำส่งกลับ และเมื่อต้องจ่ายค่าเดินทางล่วงหน้าจำนวนมาก รัฐบาลและหน่วยงานให้คำแนะนำว่านักท่องเที่ยวควรพิจารณาซื้อประกันทางการแพทย์ระหว่างเดินทางเพราะประกันสุขภาพพื้นฐานอาจไม่ครอบคลุมต่างประเทศ แต่หากการเดินทางสั้นมาก ไปประเทศที่ค่ารักษาไม่สูง และค่าใช้จ่ายทริปเป็นแบบคืนเงินได้ทั้งหมด บางกรณีอาจพิจารณาไม่ซื้อได้ (แต่เป็นความเสี่ยงที่ต้องรับเอง)
ซื้อประกันการเดินทางท่องเที่ยวกับใครดี
คำแนะนำการเลือกผู้ขาย/ผู้ให้ประกัน:
- ซื้อจากบริษัทประกันที่ได้รับใบอนุญาต/ตัวแทนที่เชื่อถือได้ — ตรวจสอบว่าบริษัทจดทะเบียนกับหน่วยงานกำกับ (เช่น คปภ. ในไทย) และมีข้อมูลติดต่อ/ช่องทางเคลมชัดเจน
- เช็คบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (24/7 assistance) และเครือข่ายโรงพยาบาลที่บริษัทสนับสนุน — บริษัทที่มีศูนย์ช่วยเหลือระดับสากล (global assistance) มักช่วยประสานงานได้เร็วกว่า
- เปรียบเทียบแผน (coverage vs premium) — อย่าใช้แค่ราคาถูกเป็นเกณฑ์เดียว ดูวงเงินคุ้มครอง เงื่อนไขการยกเว้น และรีวิวการจ่ายสินไหม
- ช่องทางการซื้อ: เว็บไซต์บริษัทโดยตรง, โบรกเกอร์/แพลตฟอร์มเปรียบเทียบ (เช่นเว็บเปรียบเทียบแผน), หรือผ่านธนาคาร/บัตรเครดิต (บางบัตรมีสิทธิประกันให้) — แต่เช็คเงื่อนไขความคุ้มครองที่มาพร้อมบัตรให้ละเอียด
ขั้นตอนสั้น ๆ ในการซื้อและหลังซื้อประกันท่องเที่ยว
- ระบุความต้องการ (ปลายทาง — ระยะเวลา — กิจกรรม)
- เปรียบเทียบแผนหลัก 2–3 รายการ (เช็ควงเงิน ค่ารับผิดชอบเอง ข้อยกเว้น)
- แจ้งโรคประจำตัว/ข้อมูลจริงทั้งหมดก่อนซื้อ (ไม่แจ้งอาจทำให้เคลมไม่ได้)
- ซื้อทันทีหลังจองหากต้องการคุ้มครองการยกเลิก (บางแผนครอบคลุมเหตุที่เกิดหลังซื้อเท่านั้น)
- พกสำเนากรมธรรม์ (PDF/ภาพ) และเบอร์ฉุกเฉินของผู้ให้บริการติดตัวตลอดเวลา; เก็บใบเสร็จ/เอกสารประกอบการเคลมทุกใบ
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย (หลีกเลี่ยงได้)
- ไม่อ่านเงื่อนไขและข้อยกเว้นให้ละเอียด — พอเกิดเหตุแล้วเคลมไม่ได้
- ลืมแจ้งโรคประจำตัวหรือสถานะสุขภาพ — เสี่ยงถูกปฏิเสธเคลม
- ซื้อช้าเกินไป — พลาดความคุ้มครองการยกเลิกที่ต้องซื้อก่อนเหตุ
- เชื่อสิทธิ์จากบัตรเครดิตโดยไม่ตรวจเงื่อนไข (ระยะเวลาหรือประเภทการคุ้มครองจำกัด)

คำถามเกี่ยวกับประกันการเดินทางที่พบบ่อย
Q: ประกันการเดินทางครอบคลุม COVID-19 ไหม?
A: ขึ้นกับกรมธรรม์ — บางบริษัทรวมค่ารักษาโควิดและการกักตัว ขณะที่บางแผนไม่รวม ตรวจข้อยกเว้นในกรมธรรม์ก่อนซื้อ
Q: ถ้ากระเป๋า delayed จะได้เงินคืนเท่าไหร่?
A: แต่ละกรมธรรม์กำหนดวงเงิน/ระยะเวลาที่ถือว่า delayed (เช่น 12–24 ชม.) และจ่ายตามวงเงินที่ระบุ — ต้องเก็บบันทึกจากสายการบิน
Q: ถ้าต้องการไปประเทศในเชงเก้น ต้องซื้อยังไง?
A: ต้องมีประกันที่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล/evacuation อย่างน้อย €30,000 และมีผลในทุกประเทศ Schengen ตลอดเวลาอยู่ในโซน-ใช้เอกสารยืนยันกับสถานทูตตอนยื่นวีซ่า